วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

น้ำอัดลม ... ตัวการร้ายทำลายฟัน !



          หน้าร้อนแบบนี้ เครื่องดื่มเย็นๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ดับกระหายได้ดีก็คงหนีไม่พ้น “น้ำอัดลม” ที่รู้สึกจะขายดิบขายดี เป็นที่นิยมของคนทั่วไป อาจจะด้วยเพราะราคาที่ไม่แพงและหาซื้อง่าย มีให้เลือกอย่างหลากหลายยี่ห้อ แต่เรารู้กันหรือไม่ว่าน้ำอัดลมที่เราชอบดื่มหรือเห็นได้ทั่วไปนั้น จะเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายฟันของเราได้ เพื่อไขข้อสงสัยในเรื่องนี้เราจึงไปสอบถามข้อเท็จจริงจาก ทันตแพทย์พัลลภ นาคพุก คุณหมอประจำโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ถึงเรื่องนี้มาฝากทุกคน

            โดยคุณหมอได้ให้ข้อมูลกับเราในเรื่องนี้ว่า “การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ หรือในปริมาณที่มากต่อวัน จะส่งผลเสียต่อสุขภาพในช่องปาก โดยจะทำให้ฟันกร่อนและผุได้ง่าย เพราะในส่วนประกอบของน้ำอัดลมมีน้ำตาลและกรดคาร์บอนิก ซึ่งจะกัดกร่อนฟัน ทำให้สารเคลือบฟันบางลง และส่งผลให้เกิดอาการฟันผุได้”


          น้ำอัดลมนั้นส่งผลให้เกิดอาการฟันผุได้จริงตามคำยืนยันของทันตแพทย์ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ใช่ว่าเราจะไม่ควรดื่มน้ำอัดลมอีกต่อไป แต่เราควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมเพราะในน้ำอัดลมมีปริมาณของน้ำตาลอยู่สูง นอกจากทำให้ฟันผุแล้ว ยังอาจส่งผลให้เราเป็นโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานได้  ถ้าหากชอบที่จะดื่มน้ำอัดลม แล้วรู้จักออกกำลังกาย แต่ยังกลัวว่าฟันจะผุ คุณหมอก็ได้ให้คำแนะนำมาว่า ทุกครั้งหลังการดื่มน้ำอัดลม ถ้าเป็นไปได้ควรแปรงฟัน ถ้าไม่สามารถแปรงฟันได้ ให้บ้วนปากทุกครั้ง พร้อมดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ และหมั่นพบทันตแพทย์เพื่อสุขภาพในช่องปากที่ดีของตัวเอง”
            คุณหมอยังได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมถึงวิธีที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุว่า “การดื่มน้ำอัดลมโดยใช้หลอดดูด จะช่วยลดโอกาสการสัมผัสน้ำตาลและกรดคาร์บอนิกมากกว่าการดื่มจากแก้ว ซึ่งจะช่วยลดการเกิดอาการฟันผุได้ในระดับหนึ่ง” ซึ่งนี่ดูเหมือนจะเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มน้ำอัดลมเลยก็ว่าได้
            จากที่ได้สอบถามจากคุณหมอไม่ใช่เพียงน้ำอัดลมอย่างเดียวที่เป็นตัวการทำให้เราฟันผุ ในบรรดาเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและกรดคาร์บอนิกเป็นส่วนประกอบหลัก หรือเครื่องดื่มอัดก๊าซทุกชนิดที่มีความซ่า เช่น โซดา หรือแม้แต่เครื่องดื่มที่มีรสเป็นกรด เช่น น้ำส้มและน้ำมะนาว หากดื่มในปริมาณที่มาก หรือเป็นประจำในทุกวันก็สามารถทำให้ฟันเรากร่อนและเกิดอาการฟันผุได้เหมือนกัน


            น้ำอัดลมถึงแม้จะให้ความรู้สึกสดชื่น ซาบซ่าได้ดีไม่น้อย แต่ผลเสียของมันที่ส่งผลต่อร่างกายเราก็มีไม่น้อยเหมือนกัน หากจะเลือกเครื่องดื่มสักหนึ่งชนิด ก็ควรเลือกเครื่องดื่มที่มีประโยชน์มากกว่าโทษต่อร่างกายเราจะดีกว่า 

ขอบคุณรูปภาพจาก

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

ค็อกเทล & ม็อกเทล ... ฝาแฝดเครื่องดื่มผสม

    หากพูดถึงเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มสีสันในงานปาร์ตี้ หลายคนก็คงจะนึกถึง ค็อกเทล” (Cocktail) และ ม็อกเทล” (Mocktail) กันอย่างแน่นอน ซึ่งเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ต่างก็มีสีสันสวยงาม และมีกลิ่นหอม ชวนให้น่าลิ้มลองเหมือนกันจนแทบจะแยกกันไม่ออก ซึ่งทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าค็อกเทลและม็อกเทลนั้นต่างกันอย่างไร ? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดนี้ไปพร้อมๆ กัน

     "ค็อกเทล" (Cocktail) เป็นเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งของชาวตะวันตก ที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย 1 ชนิดหรือจะผสมกันหลายๆ ชนิดก็ได้ แล้วนำมาปรุงแต่งกลิ่นและรสด้วยการผสมเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น น้ำผลไม้ , น้ำหวาน , น้ำอัดลม ฯลฯ เข้าด้วยกันโดยวิธีการเขย่า คน เท ริน หรือแม้กระทั่งปั่น โดยการผสมน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ที่หลากหลายเพื่อความอร่อยของรสชาติ และเพิ่มความหวานให้ค็อกเทลกลายเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มง่ายขึ้นนั้น ก็ทำให้หลายๆ คนชื่นชอบและดื่มได้อย่างต่อเนื่อง จนอาจทำให้เมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้เลยทีเดียว
   ซึ่งคำว่า ค็อกเทล (Cocktail) นั้น เป็นคำที่ใช้เรียกเครื่องดื่มผสมในบาร์แห่งหนึ่งที่นิวยอร์ก เมื่อราวปี ค.ศ. 1776 สุภาพสตรีผู้หนึ่งได้ตกแต่งและประดับบาร์ของเธอด้วยหางขนไก่ สีสันสวยงามเต็มร้าน นอกจากนั้นเธอยังมีความคิดที่แปลกไม่เหมือนใคร โดยเธอได้ใส่หางขนไก่ลงในเครื่องดื่มผสมทุกแก้วแทนไม้คนบาร์ทั่วไป ไม่ช้าร้านของเธอก็เป็นที่นิยมของนักท่องราตรี และคำว่า “ค็อกเทล” ก็น่าจะมาจาก Tail of cock หรือ หางของไก่ ที่เริ่มมาจากบาร์แห่งนี้นั่นเอง 


      และเครื่องดื่มอีกประเภทหนึ่งที่มีชื่อและกรรมวิธีการทำคล้ายกับค็อกเทลอย่างกับแกะ เพียงแต่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่เลย นั่นก็คือ “ม็อกเทล” (Mocktail) เป็นเครื่องดื่มที่จะเน้นไปที่ส่วนผสมหลักอย่างโซดา น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรือน้ำหวาน โดยมีวิธีการผสมที่หลากหลายเช่นเดียวกับค็อกเทล นับเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับคนที่รู้ตัวว่าคออ่อน ซึ่งม็อกเทลนี้ก็จะมีความคล้ายคลึงกับพั้นช์ (Punch) เครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่งที่ใช้น้ำผลไม้หลายๆ ชนิดมาผสมกัน       
     โดยคำว่า ม็อกเทล  เป็นการเล่นคำกับคำว่า ค็อกเทล ซึ่งคำว่า ม็อก (Mock) ตามภาษาอังกฤษแปลว่า "การลอกเลียนแบบ" จึงเรียกได้ว่าม็อกเทลเป็นเครื่องดื่มผสมที่ลอกเลียนแบบค็อกเทลได้อย่างแนบเนียน


        หลังจากที่ได้ทราบความแตกต่างระหว่างค็อกเทลและม็อกเทลกันไปแล้ว เชื่อว่าในงานปาร์ตี้ครั้งต่อไป หลายๆ คนคงจะเลือกสั่งเครื่องดื่มได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น อยากจะเมาสุดเหวี่ยง หรือจะดื่มเพื่อสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือกดื่มกันได้ตามต้องการและสนุกสนานกับงานปาร์ตี้กันได้มากยิ่งขึ้น 


ขอบคุณข้อมูลจาก https://sites.google.com/site/corolfulcocktail/tn-kaneid-cocktail
                            https://sites.google.com/site/cockkeyy/5-m-xk-thel
                            http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021328
ขอบคุณรูปภาพจาก http://travel.truelife.com/detail/2300287
                      http://www.skn.ac.th/skl/project/cogt60/index.htm

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2558

ภาษีใหม่ดันเหล้า-เบียร์ราคาพุ่ง


ภาษีใหม่ดันราคาขายส่งน้ำเมาขึ้นขวดละ 2-25 บาท ป่วนขายปลีกขยับขึ้นตาม
            นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อและการตลาด บริษัท ตั้งงี่สุน ซุปเปอร์สโตร์ ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งรายใหญ่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า         หลังผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องจ่ายภาษีสุราและยาสูบเพิ่ม  2% เพื่อนำส่งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ขณะนี้บริษัทผู้ผลิตเบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยและ นำเข้าจากต่างประเทศ   เริ่มทยอยแจ้งปรับขึ้นราคาแล้ว
            โดย บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น แจ้งปรับราคาขายส่งเบียร์ลีโอขนาด 630 มล.   จากขวดละ 47.92 บาท เพิ่มเป็น 49.17 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับขึ้นขวดละ        2 บาท จากเดิมขวดละ 51-52 บาท เป็นขวดละ 54 บาท แต่ร้านค้าปลีกบางแห่ง เอากำไรอีกขั้นขึ้นเป็นขวดละ 3 บาท ส่วนเบียร์สิงห์ยังไม่ปรับขึ้นราคา  ที่ปรับขึ้นราคาเบียร์ลีโออย่างเดียว เพราะเบียร์ลีโอเป็นผู้นำตลาด มีส่วนแบ่งกว่า 70% จากเบียร์ระดับล่าง 116,760 ล้านบาท ซึ่งการปรับราคาขึ้นครั้งนี้ กระทบต่อยอดขายน้อยมาก          
            ขณะที่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เลือกปรับราคาเฉพาะสินค้าขายดีเช่นกัน โดยปรับราคาเหล้าเบลนด์ 285 ขนาด 1 ลิตร จาก 242.25 บาท เพิ่มเป็น 246 บาท ส่วนเหล้า  หงส์ทอง ยกเลิกโปรโมชั่น ลัง (12 ขวด) ละ 2,661 บาท กลับไปขายส่งราคาเดิม 2,710 บาท ส่วนกลุ่มเบียร์ ได้แก่ เบียร์ช้าง และเบียร์อาชา ยังไม่แจ้งปรับขึ้นราคา
            ด้านกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดสำหรับสุรานำเข้า คือ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) เนื่องจากเป็นผู้นำเข้าสุรารายใหญ่ แจ้งปรับราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้ง วิสกี้ วอดก้า รวม 9 รายการ มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา เช่น วิสกี้นำเข้าตระกูลจอห์นนี่วอล์กเกอร์ ปรับราคาส่งแบล็คเลเบิ้ล 1 ลิตร เพิ่มขวดละ 25 บาท จากราคาส่ง 1,595 บาท เป็น 1,620 บาท ส่วนเรดเลเบิ้ล ขนาด 1 ลิตร เพิ่ม 10 บาท จาก 840 บาท เป็น 850 บาท และเบนมอร์ ขนาด 1 ลิตร เพิ่ม 15 บาท จาก 480 บาท  เป็น 495 บาท


 ขอบคุณที่มาจาก http://www.posttoday.com/ธุรกิจ-ตลาด/ข่าวธุรกิจ-ตลาด/356550/ภาษีใหม่ดันเหล้านอก-เบียร์ขยับราคาเพิ่มอีก